ชื่อเรื่อง : พนันสายสะดือ
โดย : นาย วรวลัญช์ เด่นปรีชากุล
“การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว ”
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมาจากชีวิตจริงของผมทั้งสิ้น เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ผมไม่สามารถช่วยเขาได้ เพราะเขาคือ “ลูกพนัน”
ในห้องรับแขกมีหนังสือเรียนกองไว้ที่โต๊ะ ดูเหมือนจะเป็นล่องรอยของการทำการบ้านที่ยังค้างอยู่
“นัน ถามจริงๆ นะ มึงจะมาเรียนมั้ย ถ้าเรียนไม่จบ มันจะหางานยากนะ มึงเล่นเฝ้าบ่อนตอนกลางคืน ขายหวยตอนกลางวัน แบบนี้ กูไม่เห็นมึงจะไปเรียนเลย กูว่าไม่ไหว เป็นกู กูคงเรียนไม่ไหว“ ผมพูดกับนัน (นามสมมุติ) รุ่นพี่ที่สนิทสนมกันในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต
เขาไม่ได้ตอบคำถาม และเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน และกำลังจะออกไปบ่อนนอกสถานที่ใน ต.ฉลอง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 20 กว่ากิโล
เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดตั้งแต่ที่เขาเข้าไปอาบน้ำ
“เดี๋ยวกูมานะ” คำกล่าวสั้นๆ ดูเหมือนท่าทางของเขาจะเร่งรีบออกไปพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซด์ที่ดัง ฟังดูคล้ายเสียงเรือหางยาว
“กูไปด้วย“ ผมติดรถเขาไปลงหน้าบ้าน เพราะบ้านของผมอยู่หน้าปากซอยหมู่บ้าน
ตั้งแต่ผมยังเล็กๆ ผมชอบเดินมานั่งเล่นที่บ้านนัน และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า บ้านนั้นเป็นศูนย์รวมของการพนันทั้งหมด
เมื่อแรกสัมผัสบรรยากาศในบ่อนพนันกลางเมือง ซึ่งเป็นบ่อนที่ติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต สีหน้าของนักพนันแต่ละคนต่างหมองคล้ำ แต่แววตายังลุกวาวเมื่อเห็นกองเงินมหาศาล ตั้งอยู่ตรงหน้า
ดูๆไปแล้วสำหรับสังคมไทยวันนี้ ต้องยอมรับว่าไม่มีจังหวัดใดจะปลอดการพนันทั้งหมด แม้แต่ในชนบทที่ยากจน เมื่อมีความต้องการ การพนันจะถูกหยิบมาใช้ให้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนองความต้องการอย่างรวดเร็ว ทั้งผู้ใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก
แต่ไม่เสมอไป การพนัน อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ผู้เล่นอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ แล้วแต่ผู้เล่นแต่ละคนจะเจอ
สำหรับการที่เด็กคนหนึ่งโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่มีการพนันรอบบ้าน อาจเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
แม้กระทั่งหลานที่เพิ่งเกิดได้ปีกว่าๆ ซึ่งเป็นคนในครอบครัว ยังโดนแม่ถามเสมอว่า “วันนี้เบอร์ออกอะไร” บางครั้งการกระทำของผู้ใหญ่ อาจปลูกฝังให้เด็กเก่งคณิตไปในตัว
นัน (นามสมมุติ) เป็นเด็กนักศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต เขาเป็นประธานรุ่นของคณะหนึ่งในนั้น เป็นที่รู้จักกันดีในมหาวิทยาลัย รุ่นน้องต่างเคารพ และยำเกรง
เขามีเพื่อนมาก และมีรุ่นน้องมาก หรือภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันว่า “ ลูกเด็ก ”
“ ลูกเด็ก ” ของเขาเยอะ อาจเป็นเพราะเป็นคนมีเงินมากกว่าใครๆในเพื่อนรุ่นเดียวกัน เมื่อใช้รุ่นน้องคนไหนทำอะไร รุ่นน้องก็พร้อมที่จะทำให้เสมอ แต่ในความรู้สึกของผม การกระทำของบุคคลเหล่านั้นทำตามคำสั่งไป ใช่ว่าจะเคารพ พวกเขาเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
ลูกเด็กชอบไปสถานบันเทิง ดื่มเหล้า เมายา รื่นเริง สนุกสนาน เด็กรุ่นนั้นถ้าไม่ทำงานก็ต้องทำทุกอย่างขอให้ได้เที่ยวในวันรวมตัวสุดสัปดาห์ก็พอ
ทุกครั้งที่เขาได้เงินมาจากการเฝ้าบ่อนของพ่อ ในซอยบ้านจะมีรถมอเตอร์ไซด์ จอดเรียงรายกันเป็นสิบๆ เหมือนกับร้านขายมอเตอร์ไซด์ร้านหนึ่ง มีการกิน การดื่มแอลกอฮอล์ เสียงกีต้าไฟฟ้าดัง พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ดังหนวกหูมาจากท้ายซอย ซึ่งเป็นความเคยชินของคนในระแวกนั้น ภายในบ้านต่างเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่องเด็กๆ
เช่น เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีโทรศัพท์รุ่นใหม่ เรื่องผู้หญิงที่ยอดนิยมในมหาลัย เรื่องอวดคู่รัก และเรื่องดนตรี บางคนถือโอกาสแอบเล่นสิ่งเสพติดบางชนิดกันภายในบ้าน รวมไปถึงการพูดคุยเรื่องบันเทิงเกี่ยวกับดารา กันถึงเช้า แน่นอนงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา บางรายหนีเรียนเนื่องด้วยอาการเมาไปเรียนไม่ไหว บางรายรักเรียนยังมีกะจิตกะใจไปเรียนทั้งที่ตนยังไม่ได้นอน บางคนกลับบ้านไม่ไหวนอนหลับในบ้านหลังนั้น ซึ่งเป็นวิถีของเด็กเหล่านั้นไปเสียแล้ว
จากเสียงเพลงที่ดัง เสียงกีต้าที่กังวาล เสียงพูดดังสนั่นหวั่นไหว ไม่มีใครคนใดตักเตือน ไม่มีใครออกมาบ่นจากเสียงกลุ่มเด็ก เพราะคนทั้งซอย ต่างก็เล่นการพนันเช่นกัน มีแต่พ่อของนันที่ไม่ได้ห้ามลูก ที่พาเพื่อนมามั่วสุมในบ้าน แต่กลับบ่น กลับด่าว่า เรื่องค่าไฟ เพราะเปลืองค่าแอร์ที่เปิดต้อนรับเพื่อนๆที่มาชุมนุมกันทั้งคืน ครั้นหนึ่งก่อนที่นันจะเข้ามาดูแลบ่อนซึ่งเป็นกิจการของพ่อ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อสมัยเรียนวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นเทอมสุดท้ายของนักศึกษาชั้นปวช.3 นันเป็นคนไม่ชอบการพนัน เกลียดการพนันทุกประเภท แต่เขาใช่ว่าจะเล่นการพนันไม่เป็นนะ เขาเล่นเป็นทุกอย่างเพราะได้เห็นทุกวัน ครั้งนั้นเขาเคยทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงเรื่องการรับช่วงต่อจากพ่อ
ตอนเป็นนักศึกษามหาลัยปี 1 เวลาว่างจากการเรียน เขาเริ่มไปเฝ้าบ่อนที่พ่อได้เปิดไว้ แรกๆก็มีบ่นพร่ำในสิ่งที่พ่อใช้ บางเกมส์เขาเฝ้าถึงเช้า สลับกับพนักงานที่พ่อได้จ้างเอาไว ้ซึ่งพนักงานที่จ้างมีจำนวนน้อย สาเหตุที่พ่อให้นันไปเฝ้า ก็เพราะพ่อของนันไม่ค่อยไว้ใจใคร จนกระทั่ง ตัวเขาเริ่มคุ้นเคยกับสนามบ่อน บางทีเขาเข้าไปเล่นในวงไพ่ กลายเป็นทั้งเล่นและทั้งเก็บค่าต๋อง จนชิน
ค่าต๋องในที่นี้ คือ ในเกมส์นั้นผู้ชนะไพ่จะต้องจ่ายแก่เจ้าของสถานที่ ถ้าในวงค์ใหญ่ๆ ระดับวีไอพีที่เปิดกันประจำ ค่าเกมส์จะอยู่ที่ 100 บาท ต่อเกมส์ ส่วนรอบเล็กๆ ของระดับคนธรรมดา ค่าต๋องก็จะอยู่ประมาณ 10-20 บาทต่อเกมส์นั้น ซึ่งวันหนึ่งเจ้าของสถานที่ มีรายได้เฉลี่ยเข้ามาในบ่อน เกือบเเสนบาทต่อวัน ซึ่งเป็นเงินที่ไหลเข้ามามากพอสมควร
เวลาผ่านมาเป็นปี นัน (นามสมมุติ) เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แววตาที่ดูไร้เดียงสา และอ่อนโยน วันวันที่เอาแต่ร้องเพลงเล่นกีต้าอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งต่างกับวันนี้อย่างสิ้นเชิง การพูดจาไม่เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูเป็นผู้ใหญ่มาก เขามีสีหน้าที่ดูเหมือนคนทำงานหนัก ตาคล้ำ เพราะอดหลับอดนอน ร่างกายผอม ใบหน้าบวม ถ้าให้เสนอความคิดเห็น คงจะบอกว่า รับไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายมากไปจากสิ่งที่เห็น และแล้วเขาก็เรียนไม่ไหว เขากลายเป็นคนโลภ ไม่ค่อยสนใจเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันสักเท่าไหร่ เพื่อนของเขามีรุ่นใหญ่กว่าทั้งนั้น บางคราอาจถึงขั้นรุ่นพ่อ การพูดจากับผู้ใหญ่เหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน
เพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุยกับเขาได้ คือเพื่อนที่เล่นการพนันด้วยกัน ที่เห็นอยู่ มีอยู่หนึ่งคนที่ชีวิตกลายเป็นเหมือนนันไปแล้ว คือ อาร์ม (นามสมมุติ)
อาร์มโดนนันชักจูง เริ่มแรกก็เหมือนกันกับที่พ่อได้ทำกับนัน คือจ้างอาร์มให้ไปเฝ้าบ่อน จนปัจจุบัน อาร์ม ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงค์ไพ่โดยสิ้นเชิง และเปลี่ยนไป จากอาร์มภาพลักษณ์ในชุดนักศึกษาขาดๆ กลายเป็น อาร์มนักพนันที่ไม่เรียนหนังสือ หล่อเท่ห์ ขวัญใจพิตตี้คาราโอเกะ
นัน เริ่มใส่ทอง และมีหญิงสาวเข้ามาเกี่ยวพันธุ์มากมายไม่ซ้ำหน้าในแต่ละคืน หญิงสาวที่มาล้วนเป็นนักศึกษาด้วยกันทั้งนั้น เข้ามาเพื่อให้ได้เงินกลับไป โดยการเอาตัวเข้ามาหาความสุข หรือเอาตัวแรกเงินกัน
ยังมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นันเริ่มมีการกระทำที่คล้ายกับพ่อ คือ เมื่อผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินให้ เขาเลยใช้ร่างกายหญิงสาวแทนการปลดหนี้ที่เกินตัว แน่นอน เขาทำได้ เพื่อสนองความใคร่ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำลงไปได้ยังไง สำหรับผมถ้าไม่ใช่คนที่เรารักคงทำไม่ลงจริงๆ หัวใจเขามืดดำสนิท เหมือนไม่ใช่เพื่อนของผม
เมื่อตำรวจลง ช่วงนั้นบ่อนการพนันจะถูกยกเลิก นันเลยว่างจากการเฝ้าบ่อน มาช่วยแม่ดูแลกิจการเบอร์หุ้น ( ตำรวจลง = เป็นสถานะการณ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อชาวบ่อน ซึ่งตำรวจรู้สถานที่เล่นการพนัน)
นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่นันได้รับมอบหมายให้ทำ คืองานขายหวยใต้ดิน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เบอร์หุ้น”เป็นงานประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ที่ถือเอาคำว่า “ SET” เป็นหลัก ซึ่งจะปรากฎอยู่ตรงมุมขวาล่างในช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่งของประเทศไทย จะมีการขายเป็นรอบ คือรอบบ่ายและรอบเช้า รอบเช้าจะหมดเวลา 12.30 น. ของทุกวัน และรอบบ่ายจะสิ้นสุดที่ 16.45 น.
เมื่อถึงเวลาดังกล่าวจะเป็นเวลาที่หวยได้ออกอย่างเป็นทางการ จะเป็นเวลาที่นักพนันลุ้นระทึก เสียงโห่ร้องจะดังก้องกังวาลทั้งสองช่วงของเวลาดังกล่าว ในขณะที่หวยออกความรู้สึกของคนจนจะพยายามหวังกับโชคลาภจากการพนัน แต่ช่วงเวลาเดียวกันคนรวยซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนกลับมองว่า เขากำลังทำธุรกิจจากบุคคลที่มีโชคชะตาเป็นเดิมพันเหล่านี้ ซึ่งการเล่นเบอร์หุ้นจะคิดราคา 1 บาท ต่อ 80 บาท หมายถึงถ้าเราซื้อ 10 บาท เราก็จะได้เงิน 800 บาท จากการซื้อ
การเล่นหวยหุ้น ยังมีข้อแม้ อยู่คือ ต้องซื้อ 5 บาทขึ้นไป และถ้าหากเป็นเบอร์พี่เบอร์น้อง (เบอร์พี่เบอร์น้อง คือ เบอร์ ที่เรียงกันตามลำดับ เช่น 12 , 23, 34 เป็นต้น ) และเบอร์คู่ ( เบอร์ค คือ เบอร์ 11 , 22 , 33 ,00 เป็นต้น ) ตัวเลขดังกล่าวก็จะเหลือเพียงแค่บาทละ 70
เบอร์ใหญ่หรือหวยใต้ดินล็อตเตอร์รี่สิ้นเดือน นันก็ขาย แต่เปลี่ยนจากบาทละ 80 เป็น 800 มีทั้งบนทั้งล่าง ส่วนที่นี่ไม่มีการขายหวย นิเคอิเช้า - บ่าย ซึ่งทางครอบครัวนันไม่ขายเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะตื่นสาย เลยไม่เปิดขาย ( นิเคอิ หมายถึง เลขตัวแรกSET ที่ปรากฎกระพริบครั้งแรก ) ว่าไปแล้ว บทบาทที่เด็กคนนี้ได้รับมันช่างมากมายเหลือเกิน เขาไม่มีทางเลือกใดใดทั้งสิ้น ผมเคยถามนันประโยคหนึ่งว่า “ อย่าว่ากูนะ ถ้าพ่อมึงตาย ถ้ามึงไม่ไปเรียน แล้วมึงจะไปทำงานที่ไหน “ นับจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆทั้งสิ้นและผม ไม่เคยคิดจะถามนัน อีกเลย ถ้าจะโทษต้องโทษที่ตัวพ่อและตัวแม่ ที่อยากให้ลูกเดินทางสายนี้ หากเขาลองหลับตาดู เขาก็จะเห็น ว่า ลูกคนก่อน กับลูกตอนนี้ มันช่างต่างราวฟ้ากับเหว ซึ่งการพนันกล่อมเกลาจิตใจเขาให้มืดดำสนิท จนไม่เหลือซึ่งความเป็นเด็กดี การเปลี่ยนแปลงของการกระทำที่ส่งผลเชิงลบ ในส่วนตัวผมนำมาวัดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งใครหลายๆคนที่เล่นการพนันยังดูไม่ออก ว่าตนเองกำลังทำไม่ดีอยู่ และใครก็ตามที่ยังคิดว่า การพนันเป็นสิ่งดีละก็ เล่นแล้วรวย คุณจงเล่นไปเถอะครับ แต่จงรู้เอาไว้ว่า “เงินซื้อเวลาที่มีค่าไม่ได้”
“ เงินตรา” ใช่ว่าจะมีความสุขที่แท้จริง บางคนหยุด......และทำไมเขาถึงหยุด....
หากนันยังเรียนหนังสือ เขาคงเป็นนักเรียนดีเด่นไปเสียแล้ว ส่วนผมตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่รามก็ไม่ได้เจอนันที่มหาลัยเก่าอีกเลย ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอ เพราะเขาอยู่แต่ในบ่อนการพนัน ขายหวยอยู่ในห้อง
แต่ผมได้มีโอกาสสนทนาผ่าน Facebook กับนัน ผมพิมพ์ถามนันไปว่า
“เอาละ ตอนนี้กูจะถามมึงกับเรื่องที่กูอยากรู้ มึงอย่าโกรธกูนะ คือ ถ้าหากมึงย้อนเวลาได้ มึงจะเปิดบ่อนไหมวะ แล้วถ้าพ่อตายไป มึงจะทำต่อไปอีกหรือเปล่า แล้วถ้ามึงยังทำ ตอนมึงมีลูกละ มึงจะให้ลูกเล่นมัน เหมือนที่พ่อมึงให้มึงเล่นไหม ” ผมถามไปพร้อมกับความกลัว ไม่แน่ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนเดิม
และแล้วก็มีเสียงข้อความสนทนา เด้งขึ้นมา “เสือกจริงๆ มึงนี่ ถ้าพ่อไม่บังคับกูคงไม่ยุ่งมันหรอก นี่มึงแช่งพ่อกูหรอ ผมพิมพ์กลับไปว่า “กูไม่ได้แช่ง กูอยากรู้ ยังไงต่อกูจะเอาไปเขียนเอาดีดี เร็ว ง่วงนอน “
เขาเงียบไปสักพักใหญ่ๆ และตอบกลับมาว่า “ถ้าพ่อกูตาย กูคงไม่ทำอะ ปวดหัว กูคงกลับไปซ่อมคอมที่ร้านที่เคยฝึกงานมั้ง “
“ อ้าวแล้วมึงจะมีตังใช้หรอ” ผมรีบพิมพ์ถาม
“มีสิสัส แค่ร้านคอมที่เปิดไว้กูก็พอแล้ว” นันพูดถึงร้านอินเตอร์เน็ตที่พ่อได้เปิดไว้ให้นัน
ผมถามต่อไปว่า “ตกลงที่มึงทำมันดีหรือไม่ดีวะ กูอยากรู้”
“ จะว่ามันดีมันก็ดี จะว่ามันไม่ดีมันก็ไม่ดี “ นันตอบผม
ผมถามนันทันทีต่อไปว่า “เอ๊ะดียังไงวะ ไม่ดียังไงวะ”
“ถามมากจริงๆ ตามหลักแล้ว ต้องไม่ดีสิ อบายมุข นะนั่น แต่ในแง่ นักวิทยาศาสตร์ หรือทางการเเพทย์
มัน ถือว่าเป็นการช่วยบำรุง และเพิ่มรอยหยักในสมอง เพราะ ทำไห้ต้องคิดตลอดเวลา “ นันตอบพร้อมส่งสัญลักษณ์ตัวกลมๆที่กำลังหัวเราะ ทางการสนทนา
ผมไม่แน่ใจเลย “จริงหรอ ตลกแล้ว “
“ การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว” นันตอบมาแบบยาวมาก จนผมเห็นภาพว่าผมกำลังนั่งเล่น
“ อืม... แล้วถ้ามึงได้ลูก มึงให้มันเล่นหรือป่าววะ “ ผมถามนันต่อไปเป็นคำถามสุดท้าย นันตอบ “ไม่อะ กูไม่อยากให้มันเป็นแบบกู ถ้ามันเล่น กูจะเตะให้หัวแตกเลย ฮ่าๆๆๆ “ คือคำตอบสุดท้ายของเขา
และนั่นคือเรื่องราวของนันเพื่อนรุ่นพี่ของผม
เป็นไปได้ไหมที่การทำให้การพนันจะกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องถามกันต่อไปว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่ และพวกเราที่อยู่ในสังคมไทยวันนี้ พร้อมที่จะรับกับผลกระทบที่จะตามมาแล้วหรือยัง? หากคุณคิดจะเล่นการพนัน
โดย : นาย วรวลัญช์ เด่นปรีชากุล
“การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว ”
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมาจากชีวิตจริงของผมทั้งสิ้น เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ผมไม่สามารถช่วยเขาได้ เพราะเขาคือ “ลูกพนัน”
ในห้องรับแขกมีหนังสือเรียนกองไว้ที่โต๊ะ ดูเหมือนจะเป็นล่องรอยของการทำการบ้านที่ยังค้างอยู่
“นัน ถามจริงๆ นะ มึงจะมาเรียนมั้ย ถ้าเรียนไม่จบ มันจะหางานยากนะ มึงเล่นเฝ้าบ่อนตอนกลางคืน ขายหวยตอนกลางวัน แบบนี้ กูไม่เห็นมึงจะไปเรียนเลย กูว่าไม่ไหว เป็นกู กูคงเรียนไม่ไหว“ ผมพูดกับนัน (นามสมมุติ) รุ่นพี่ที่สนิทสนมกันในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต
เขาไม่ได้ตอบคำถาม และเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน และกำลังจะออกไปบ่อนนอกสถานที่ใน ต.ฉลอง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 20 กว่ากิโล
เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดตั้งแต่ที่เขาเข้าไปอาบน้ำ
“เดี๋ยวกูมานะ” คำกล่าวสั้นๆ ดูเหมือนท่าทางของเขาจะเร่งรีบออกไปพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซด์ที่ดัง ฟังดูคล้ายเสียงเรือหางยาว
“กูไปด้วย“ ผมติดรถเขาไปลงหน้าบ้าน เพราะบ้านของผมอยู่หน้าปากซอยหมู่บ้าน
ตั้งแต่ผมยังเล็กๆ ผมชอบเดินมานั่งเล่นที่บ้านนัน และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า บ้านนั้นเป็นศูนย์รวมของการพนันทั้งหมด
เมื่อแรกสัมผัสบรรยากาศในบ่อนพนันกลางเมือง ซึ่งเป็นบ่อนที่ติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต สีหน้าของนักพนันแต่ละคนต่างหมองคล้ำ แต่แววตายังลุกวาวเมื่อเห็นกองเงินมหาศาล ตั้งอยู่ตรงหน้า
ดูๆไปแล้วสำหรับสังคมไทยวันนี้ ต้องยอมรับว่าไม่มีจังหวัดใดจะปลอดการพนันทั้งหมด แม้แต่ในชนบทที่ยากจน เมื่อมีความต้องการ การพนันจะถูกหยิบมาใช้ให้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนองความต้องการอย่างรวดเร็ว ทั้งผู้ใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก
แต่ไม่เสมอไป การพนัน อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ผู้เล่นอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ แล้วแต่ผู้เล่นแต่ละคนจะเจอ
สำหรับการที่เด็กคนหนึ่งโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่มีการพนันรอบบ้าน อาจเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
แม้กระทั่งหลานที่เพิ่งเกิดได้ปีกว่าๆ ซึ่งเป็นคนในครอบครัว ยังโดนแม่ถามเสมอว่า “วันนี้เบอร์ออกอะไร” บางครั้งการกระทำของผู้ใหญ่ อาจปลูกฝังให้เด็กเก่งคณิตไปในตัว
นัน (นามสมมุติ) เป็นเด็กนักศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต เขาเป็นประธานรุ่นของคณะหนึ่งในนั้น เป็นที่รู้จักกันดีในมหาวิทยาลัย รุ่นน้องต่างเคารพ และยำเกรง
เขามีเพื่อนมาก และมีรุ่นน้องมาก หรือภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันว่า “ ลูกเด็ก ”
“ ลูกเด็ก ” ของเขาเยอะ อาจเป็นเพราะเป็นคนมีเงินมากกว่าใครๆในเพื่อนรุ่นเดียวกัน เมื่อใช้รุ่นน้องคนไหนทำอะไร รุ่นน้องก็พร้อมที่จะทำให้เสมอ แต่ในความรู้สึกของผม การกระทำของบุคคลเหล่านั้นทำตามคำสั่งไป ใช่ว่าจะเคารพ พวกเขาเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
ลูกเด็กชอบไปสถานบันเทิง ดื่มเหล้า เมายา รื่นเริง สนุกสนาน เด็กรุ่นนั้นถ้าไม่ทำงานก็ต้องทำทุกอย่างขอให้ได้เที่ยวในวันรวมตัวสุดสัปดาห์ก็พอ
ทุกครั้งที่เขาได้เงินมาจากการเฝ้าบ่อนของพ่อ ในซอยบ้านจะมีรถมอเตอร์ไซด์ จอดเรียงรายกันเป็นสิบๆ เหมือนกับร้านขายมอเตอร์ไซด์ร้านหนึ่ง มีการกิน การดื่มแอลกอฮอล์ เสียงกีต้าไฟฟ้าดัง พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ดังหนวกหูมาจากท้ายซอย ซึ่งเป็นความเคยชินของคนในระแวกนั้น ภายในบ้านต่างเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่องเด็กๆ
เช่น เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีโทรศัพท์รุ่นใหม่ เรื่องผู้หญิงที่ยอดนิยมในมหาลัย เรื่องอวดคู่รัก และเรื่องดนตรี บางคนถือโอกาสแอบเล่นสิ่งเสพติดบางชนิดกันภายในบ้าน รวมไปถึงการพูดคุยเรื่องบันเทิงเกี่ยวกับดารา กันถึงเช้า แน่นอนงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา บางรายหนีเรียนเนื่องด้วยอาการเมาไปเรียนไม่ไหว บางรายรักเรียนยังมีกะจิตกะใจไปเรียนทั้งที่ตนยังไม่ได้นอน บางคนกลับบ้านไม่ไหวนอนหลับในบ้านหลังนั้น ซึ่งเป็นวิถีของเด็กเหล่านั้นไปเสียแล้ว
จากเสียงเพลงที่ดัง เสียงกีต้าที่กังวาล เสียงพูดดังสนั่นหวั่นไหว ไม่มีใครคนใดตักเตือน ไม่มีใครออกมาบ่นจากเสียงกลุ่มเด็ก เพราะคนทั้งซอย ต่างก็เล่นการพนันเช่นกัน มีแต่พ่อของนันที่ไม่ได้ห้ามลูก ที่พาเพื่อนมามั่วสุมในบ้าน แต่กลับบ่น กลับด่าว่า เรื่องค่าไฟ เพราะเปลืองค่าแอร์ที่เปิดต้อนรับเพื่อนๆที่มาชุมนุมกันทั้งคืน ครั้นหนึ่งก่อนที่นันจะเข้ามาดูแลบ่อนซึ่งเป็นกิจการของพ่อ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อสมัยเรียนวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นเทอมสุดท้ายของนักศึกษาชั้นปวช.3 นันเป็นคนไม่ชอบการพนัน เกลียดการพนันทุกประเภท แต่เขาใช่ว่าจะเล่นการพนันไม่เป็นนะ เขาเล่นเป็นทุกอย่างเพราะได้เห็นทุกวัน ครั้งนั้นเขาเคยทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงเรื่องการรับช่วงต่อจากพ่อ
ตอนเป็นนักศึกษามหาลัยปี 1 เวลาว่างจากการเรียน เขาเริ่มไปเฝ้าบ่อนที่พ่อได้เปิดไว้ แรกๆก็มีบ่นพร่ำในสิ่งที่พ่อใช้ บางเกมส์เขาเฝ้าถึงเช้า สลับกับพนักงานที่พ่อได้จ้างเอาไว ้ซึ่งพนักงานที่จ้างมีจำนวนน้อย สาเหตุที่พ่อให้นันไปเฝ้า ก็เพราะพ่อของนันไม่ค่อยไว้ใจใคร จนกระทั่ง ตัวเขาเริ่มคุ้นเคยกับสนามบ่อน บางทีเขาเข้าไปเล่นในวงไพ่ กลายเป็นทั้งเล่นและทั้งเก็บค่าต๋อง จนชิน
ค่าต๋องในที่นี้ คือ ในเกมส์นั้นผู้ชนะไพ่จะต้องจ่ายแก่เจ้าของสถานที่ ถ้าในวงค์ใหญ่ๆ ระดับวีไอพีที่เปิดกันประจำ ค่าเกมส์จะอยู่ที่ 100 บาท ต่อเกมส์ ส่วนรอบเล็กๆ ของระดับคนธรรมดา ค่าต๋องก็จะอยู่ประมาณ 10-20 บาทต่อเกมส์นั้น ซึ่งวันหนึ่งเจ้าของสถานที่ มีรายได้เฉลี่ยเข้ามาในบ่อน เกือบเเสนบาทต่อวัน ซึ่งเป็นเงินที่ไหลเข้ามามากพอสมควร
เวลาผ่านมาเป็นปี นัน (นามสมมุติ) เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แววตาที่ดูไร้เดียงสา และอ่อนโยน วันวันที่เอาแต่ร้องเพลงเล่นกีต้าอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งต่างกับวันนี้อย่างสิ้นเชิง การพูดจาไม่เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูเป็นผู้ใหญ่มาก เขามีสีหน้าที่ดูเหมือนคนทำงานหนัก ตาคล้ำ เพราะอดหลับอดนอน ร่างกายผอม ใบหน้าบวม ถ้าให้เสนอความคิดเห็น คงจะบอกว่า รับไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายมากไปจากสิ่งที่เห็น และแล้วเขาก็เรียนไม่ไหว เขากลายเป็นคนโลภ ไม่ค่อยสนใจเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันสักเท่าไหร่ เพื่อนของเขามีรุ่นใหญ่กว่าทั้งนั้น บางคราอาจถึงขั้นรุ่นพ่อ การพูดจากับผู้ใหญ่เหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน
เพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุยกับเขาได้ คือเพื่อนที่เล่นการพนันด้วยกัน ที่เห็นอยู่ มีอยู่หนึ่งคนที่ชีวิตกลายเป็นเหมือนนันไปแล้ว คือ อาร์ม (นามสมมุติ)
อาร์มโดนนันชักจูง เริ่มแรกก็เหมือนกันกับที่พ่อได้ทำกับนัน คือจ้างอาร์มให้ไปเฝ้าบ่อน จนปัจจุบัน อาร์ม ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงค์ไพ่โดยสิ้นเชิง และเปลี่ยนไป จากอาร์มภาพลักษณ์ในชุดนักศึกษาขาดๆ กลายเป็น อาร์มนักพนันที่ไม่เรียนหนังสือ หล่อเท่ห์ ขวัญใจพิตตี้คาราโอเกะ
นัน เริ่มใส่ทอง และมีหญิงสาวเข้ามาเกี่ยวพันธุ์มากมายไม่ซ้ำหน้าในแต่ละคืน หญิงสาวที่มาล้วนเป็นนักศึกษาด้วยกันทั้งนั้น เข้ามาเพื่อให้ได้เงินกลับไป โดยการเอาตัวเข้ามาหาความสุข หรือเอาตัวแรกเงินกัน
ยังมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นันเริ่มมีการกระทำที่คล้ายกับพ่อ คือ เมื่อผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินให้ เขาเลยใช้ร่างกายหญิงสาวแทนการปลดหนี้ที่เกินตัว แน่นอน เขาทำได้ เพื่อสนองความใคร่ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำลงไปได้ยังไง สำหรับผมถ้าไม่ใช่คนที่เรารักคงทำไม่ลงจริงๆ หัวใจเขามืดดำสนิท เหมือนไม่ใช่เพื่อนของผม
เมื่อตำรวจลง ช่วงนั้นบ่อนการพนันจะถูกยกเลิก นันเลยว่างจากการเฝ้าบ่อน มาช่วยแม่ดูแลกิจการเบอร์หุ้น ( ตำรวจลง = เป็นสถานะการณ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อชาวบ่อน ซึ่งตำรวจรู้สถานที่เล่นการพนัน)
นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่นันได้รับมอบหมายให้ทำ คืองานขายหวยใต้ดิน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เบอร์หุ้น”เป็นงานประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ที่ถือเอาคำว่า “ SET” เป็นหลัก ซึ่งจะปรากฎอยู่ตรงมุมขวาล่างในช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่งของประเทศไทย จะมีการขายเป็นรอบ คือรอบบ่ายและรอบเช้า รอบเช้าจะหมดเวลา 12.30 น. ของทุกวัน และรอบบ่ายจะสิ้นสุดที่ 16.45 น.
เมื่อถึงเวลาดังกล่าวจะเป็นเวลาที่หวยได้ออกอย่างเป็นทางการ จะเป็นเวลาที่นักพนันลุ้นระทึก เสียงโห่ร้องจะดังก้องกังวาลทั้งสองช่วงของเวลาดังกล่าว ในขณะที่หวยออกความรู้สึกของคนจนจะพยายามหวังกับโชคลาภจากการพนัน แต่ช่วงเวลาเดียวกันคนรวยซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนกลับมองว่า เขากำลังทำธุรกิจจากบุคคลที่มีโชคชะตาเป็นเดิมพันเหล่านี้ ซึ่งการเล่นเบอร์หุ้นจะคิดราคา 1 บาท ต่อ 80 บาท หมายถึงถ้าเราซื้อ 10 บาท เราก็จะได้เงิน 800 บาท จากการซื้อ
การเล่นหวยหุ้น ยังมีข้อแม้ อยู่คือ ต้องซื้อ 5 บาทขึ้นไป และถ้าหากเป็นเบอร์พี่เบอร์น้อง (เบอร์พี่เบอร์น้อง คือ เบอร์ ที่เรียงกันตามลำดับ เช่น 12 , 23, 34 เป็นต้น ) และเบอร์คู่ ( เบอร์ค คือ เบอร์ 11 , 22 , 33 ,00 เป็นต้น ) ตัวเลขดังกล่าวก็จะเหลือเพียงแค่บาทละ 70
เบอร์ใหญ่หรือหวยใต้ดินล็อตเตอร์รี่สิ้นเดือน นันก็ขาย แต่เปลี่ยนจากบาทละ 80 เป็น 800 มีทั้งบนทั้งล่าง ส่วนที่นี่ไม่มีการขายหวย นิเคอิเช้า - บ่าย ซึ่งทางครอบครัวนันไม่ขายเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะตื่นสาย เลยไม่เปิดขาย ( นิเคอิ หมายถึง เลขตัวแรกSET ที่ปรากฎกระพริบครั้งแรก ) ว่าไปแล้ว บทบาทที่เด็กคนนี้ได้รับมันช่างมากมายเหลือเกิน เขาไม่มีทางเลือกใดใดทั้งสิ้น ผมเคยถามนันประโยคหนึ่งว่า “ อย่าว่ากูนะ ถ้าพ่อมึงตาย ถ้ามึงไม่ไปเรียน แล้วมึงจะไปทำงานที่ไหน “ นับจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆทั้งสิ้นและผม ไม่เคยคิดจะถามนัน อีกเลย ถ้าจะโทษต้องโทษที่ตัวพ่อและตัวแม่ ที่อยากให้ลูกเดินทางสายนี้ หากเขาลองหลับตาดู เขาก็จะเห็น ว่า ลูกคนก่อน กับลูกตอนนี้ มันช่างต่างราวฟ้ากับเหว ซึ่งการพนันกล่อมเกลาจิตใจเขาให้มืดดำสนิท จนไม่เหลือซึ่งความเป็นเด็กดี การเปลี่ยนแปลงของการกระทำที่ส่งผลเชิงลบ ในส่วนตัวผมนำมาวัดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งใครหลายๆคนที่เล่นการพนันยังดูไม่ออก ว่าตนเองกำลังทำไม่ดีอยู่ และใครก็ตามที่ยังคิดว่า การพนันเป็นสิ่งดีละก็ เล่นแล้วรวย คุณจงเล่นไปเถอะครับ แต่จงรู้เอาไว้ว่า “เงินซื้อเวลาที่มีค่าไม่ได้”
“ เงินตรา” ใช่ว่าจะมีความสุขที่แท้จริง บางคนหยุด......และทำไมเขาถึงหยุด....
หากนันยังเรียนหนังสือ เขาคงเป็นนักเรียนดีเด่นไปเสียแล้ว ส่วนผมตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่รามก็ไม่ได้เจอนันที่มหาลัยเก่าอีกเลย ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอ เพราะเขาอยู่แต่ในบ่อนการพนัน ขายหวยอยู่ในห้อง
แต่ผมได้มีโอกาสสนทนาผ่าน Facebook กับนัน ผมพิมพ์ถามนันไปว่า
“เอาละ ตอนนี้กูจะถามมึงกับเรื่องที่กูอยากรู้ มึงอย่าโกรธกูนะ คือ ถ้าหากมึงย้อนเวลาได้ มึงจะเปิดบ่อนไหมวะ แล้วถ้าพ่อตายไป มึงจะทำต่อไปอีกหรือเปล่า แล้วถ้ามึงยังทำ ตอนมึงมีลูกละ มึงจะให้ลูกเล่นมัน เหมือนที่พ่อมึงให้มึงเล่นไหม ” ผมถามไปพร้อมกับความกลัว ไม่แน่ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนเดิม
และแล้วก็มีเสียงข้อความสนทนา เด้งขึ้นมา “เสือกจริงๆ มึงนี่ ถ้าพ่อไม่บังคับกูคงไม่ยุ่งมันหรอก นี่มึงแช่งพ่อกูหรอ ผมพิมพ์กลับไปว่า “กูไม่ได้แช่ง กูอยากรู้ ยังไงต่อกูจะเอาไปเขียนเอาดีดี เร็ว ง่วงนอน “
เขาเงียบไปสักพักใหญ่ๆ และตอบกลับมาว่า “ถ้าพ่อกูตาย กูคงไม่ทำอะ ปวดหัว กูคงกลับไปซ่อมคอมที่ร้านที่เคยฝึกงานมั้ง “
“ อ้าวแล้วมึงจะมีตังใช้หรอ” ผมรีบพิมพ์ถาม
“มีสิสัส แค่ร้านคอมที่เปิดไว้กูก็พอแล้ว” นันพูดถึงร้านอินเตอร์เน็ตที่พ่อได้เปิดไว้ให้นัน
ผมถามต่อไปว่า “ตกลงที่มึงทำมันดีหรือไม่ดีวะ กูอยากรู้”
“ จะว่ามันดีมันก็ดี จะว่ามันไม่ดีมันก็ไม่ดี “ นันตอบผม
ผมถามนันทันทีต่อไปว่า “เอ๊ะดียังไงวะ ไม่ดียังไงวะ”
“ถามมากจริงๆ ตามหลักแล้ว ต้องไม่ดีสิ อบายมุข นะนั่น แต่ในแง่ นักวิทยาศาสตร์ หรือทางการเเพทย์
มัน ถือว่าเป็นการช่วยบำรุง และเพิ่มรอยหยักในสมอง เพราะ ทำไห้ต้องคิดตลอดเวลา “ นันตอบพร้อมส่งสัญลักษณ์ตัวกลมๆที่กำลังหัวเราะ ทางการสนทนา
ผมไม่แน่ใจเลย “จริงหรอ ตลกแล้ว “
“ การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว” นันตอบมาแบบยาวมาก จนผมเห็นภาพว่าผมกำลังนั่งเล่น
“ อืม... แล้วถ้ามึงได้ลูก มึงให้มันเล่นหรือป่าววะ “ ผมถามนันต่อไปเป็นคำถามสุดท้าย นันตอบ “ไม่อะ กูไม่อยากให้มันเป็นแบบกู ถ้ามันเล่น กูจะเตะให้หัวแตกเลย ฮ่าๆๆๆ “ คือคำตอบสุดท้ายของเขา
และนั่นคือเรื่องราวของนันเพื่อนรุ่นพี่ของผม
เป็นไปได้ไหมที่การทำให้การพนันจะกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องถามกันต่อไปว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่ และพวกเราที่อยู่ในสังคมไทยวันนี้ พร้อมที่จะรับกับผลกระทบที่จะตามมาแล้วหรือยัง? หากคุณคิดจะเล่นการพนัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น