หน้าเว็บ

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ชื่อเรื่อง : พนันสายสะดือ
โดย : นาย วรวลัญช์ เด่นปรีชากุล

          “การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้  ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว ”

           เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมาจากชีวิตจริงของผมทั้งสิ้น เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ผมไม่สามารถช่วยเขาได้ เพราะเขาคือลูกพนัน”   
           ในห้องรับแขกมีหนังสือเรียนกองไว้ที่โต๊ะ ดูเหมือนจะเป็นล่องรอยของการทำการบ้านที่ยังค้างอยู่ 
           “นัน ถามจริงๆ นะ มึงจะมาเรียนมั้ย ถ้าเรียนไม่จบ มันจะหางานยากนะ มึงเล่นเฝ้าบ่อนตอนกลางคืน ขายหวยตอนกลางวัน แบบนี้ กูไม่เห็นมึงจะไปเรียนเลย กูว่าไม่ไหว เป็นกู กูคงเรียนไม่ไหวผมพูดกับนัน (นามสมมุติ) รุ่นพี่ที่สนิทสนมกันในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต 
           เขาไม่ได้ตอบคำถาม และเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน และกำลังจะออกไปบ่อนนอกสถานที่ใน .ฉลอง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 20 กว่ากิโล 
เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดตั้งแต่ที่เขาเข้าไปอาบน้ำ 
           “เดี๋ยวกูมานะคำกล่าวสั้นๆ ดูเหมือนท่าทางของเขาจะเร่งรีบออกไปพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซด์ที่ดัง ฟังดูคล้ายเสียงเรือหางยาว
           “กูไปด้วยผมติดรถเขาไปลงหน้าบ้าน เพราะบ้านของผมอยู่หน้าปากซอยหมู่บ้าน 
            ตั้งแต่ผมยังเล็กๆ  ผมชอบเดินมานั่งเล่นที่บ้านนัน และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า บ้านนั้นเป็นศูนย์รวมของการพนันทั้งหมด 
           เมื่อแรกสัมผัสบรรยากาศในบ่อนพนันกลางเมือง ซึ่งเป็นบ่อนที่ติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต สีหน้าของนักพนันแต่ละคนต่างหมองคล้ำ แต่แววตายังลุกวาวเมื่อเห็นกองเงินมหาศาล ตั้งอยู่ตรงหน้า 
           ดูๆไปแล้วสำหรับสังคมไทยวันนี้ ต้องยอมรับว่าไม่มีจังหวัดใดจะปลอดการพนันทั้งหมด แม้แต่ในชนบทที่ยากจน เมื่อมีความต้องการ  การพนันจะถูกหยิบมาใช้ให้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนองความต้องการอย่างรวดเร็ว ทั้งผู้ใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก 
           แต่ไม่เสมอไป  การพนัน อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ผู้เล่นอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ แล้วแต่ผู้เล่นแต่ละคนจะเจอ                          
           สำหรับการที่เด็กคนหนึ่งโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่มีการพนันรอบบ้าน  อาจเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว 
           แม้กระทั่งหลานที่เพิ่งเกิดได้ปีกว่าๆ ซึ่งเป็นคนในครอบครัว ยังโดนแม่ถามเสมอว่า  “วันนี้เบอร์ออกอะไรบางครั้งการกระทำของผู้ใหญ่ อาจปลูกฝังให้เด็กเก่งคณิตไปในตัว
           นัน (นามสมมุติ) เป็นเด็กนักศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต เขาเป็นประธานรุ่นของคณะหนึ่งในนั้น เป็นที่รู้จักกันดีในมหาวิทยาลัย รุ่นน้องต่างเคารพ และยำเกรง 
           เขามีเพื่อนมาก และมีรุ่นน้องมาก หรือภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันว่าลูกเด็ก ” 
           “ ลูกเด็กของเขาเยอะ อาจเป็นเพราะเป็นคนมีเงินมากกว่าใครๆในเพื่อนรุ่นเดียวกัน  เมื่อใช้รุ่นน้องคนไหนทำอะไร รุ่นน้องก็พร้อมที่จะทำให้เสมอ แต่ในความรู้สึกของผม การกระทำของบุคคลเหล่านั้นทำตามคำสั่งไป ใช่ว่าจะเคารพ พวกเขาเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น   
            ลูกเด็กชอบไปสถานบันเทิง ดื่มเหล้า เมายา รื่นเริง สนุกสนาน เด็กรุ่นนั้นถ้าไม่ทำงานก็ต้องทำทุกอย่างขอให้ได้เที่ยวในวันรวมตัวสุดสัปดาห์ก็พอ   
            ทุกครั้งที่เขาได้เงินมาจากการเฝ้าบ่อนของพ่อ ในซอยบ้านจะมีรถมอเตอร์ไซด์ จอดเรียงรายกันเป็นสิบๆ เหมือนกับร้านขายมอเตอร์ไซด์ร้านหนึ่ง  มีการกิน การดื่มแอลกอฮอล์ เสียงกีต้าไฟฟ้าดัง พร้อมกับเสียงร้องเพลงที่ดังหนวกหูมาจากท้ายซอย  ซึ่งเป็นความเคยชินของคนในระแวกนั้น ภายในบ้านต่างเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่องเด็กๆ
เช่น เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีโทรศัพท์รุ่นใหม่ เรื่องผู้หญิงที่ยอดนิยมในมหาลัย เรื่องอวดคู่รัก และเรื่องดนตรี บางคนถือโอกาสแอบเล่นสิ่งเสพติดบางชนิดกันภายในบ้าน รวมไปถึงการพูดคุยเรื่องบันเทิงเกี่ยวกับดารา กันถึงเช้า แน่นอนงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา บางรายหนีเรียนเนื่องด้วยอาการเมาไปเรียนไม่ไหว บางรายรักเรียนยังมีกะจิตกะใจไปเรียนทั้งที่ตนยังไม่ได้นอน บางคนกลับบ้านไม่ไหวนอนหลับในบ้านหลังนั้น  ซึ่งเป็นวิถีของเด็กเหล่านั้นไปเสียแล้ว 
             จากเสียงเพลงที่ดัง เสียงกีต้าที่กังวาล เสียงพูดดังสนั่นหวั่นไหว  ไม่มีใครคนใดตักเตือน ไม่มีใครออกมาบ่นจากเสียงกลุ่มเด็ก เพราะคนทั้งซอย ต่างก็เล่นการพนันเช่นกัน มีแต่พ่อของนันที่ไม่ได้ห้ามลูก ที่พาเพื่อนมามั่วสุมในบ้าน แต่กลับบ่น กลับด่าว่า เรื่องค่าไฟ เพราะเปลืองค่าแอร์ที่เปิดต้อนรับเพื่อนๆที่มาชุมนุมกันทั้งคืน             ครั้นหนึ่งก่อนที่นันจะเข้ามาดูแลบ่อนซึ่งเป็นกิจการของพ่อ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อสมัยเรียนวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นเทอมสุดท้ายของนักศึกษาชั้นปวช.3  นันเป็นคนไม่ชอบการพนัน เกลียดการพนันทุกประเภท แต่เขาใช่ว่าจะเล่นการพนันไม่เป็นนะ เขาเล่นเป็นทุกอย่างเพราะได้เห็นทุกวัน ครั้งนั้นเขาเคยทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงเรื่องการรับช่วงต่อจากพ่อ 
            ตอนเป็นนักศึกษามหาลัยปี 1 เวลาว่างจากการเรียน เขาเริ่มไปเฝ้าบ่อนที่พ่อได้เปิดไว้ แรกๆก็มีบ่นพร่ำในสิ่งที่พ่อใช้  บางเกมส์เขาเฝ้าถึงเช้า สลับกับพนักงานที่พ่อได้จ้างเอาไว ้ซึ่งพนักงานที่จ้างมีจำนวนน้อย สาเหตุที่พ่อให้นันไปเฝ้า ก็เพราะพ่อของนันไม่ค่อยไว้ใจใคร จนกระทั่ง ตัวเขาเริ่มคุ้นเคยกับสนามบ่อน บางทีเขาเข้าไปเล่นในวงไพ่  กลายเป็นทั้งเล่นและทั้งเก็บค่าต๋อง จนชิน
            ค่าต๋องในที่นี้ คือ ในเกมส์นั้นผู้ชนะไพ่จะต้องจ่ายแก่เจ้าของสถานที่ ถ้าในวงค์ใหญ่ๆ ระดับวีไอพีที่เปิดกันประจำ ค่าเกมส์จะอยู่ที่ 100 บาท ต่อเกมส์ ส่วนรอบเล็กๆ ของระดับคนธรรมดา ค่าต๋องก็จะอยู่ประมาณ 10-20 บาทต่อเกมส์นั้น ซึ่งวันหนึ่งเจ้าของสถานที่ มีรายได้เฉลี่ยเข้ามาในบ่อน เกือบเเสนบาทต่อวัน ซึ่งเป็นเงินที่ไหลเข้ามามากพอสมควร  
            เวลาผ่านมาเป็นปี  นัน (นามสมมุติ) เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แววตาที่ดูไร้เดียงสา และอ่อนโยน  วันวันที่เอาแต่ร้องเพลงเล่นกีต้าอยู่ในห้องรับแขก ซึ่งต่างกับวันนี้อย่างสิ้นเชิง การพูดจาไม่เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูเป็นผู้ใหญ่มาก  เขามีสีหน้าที่ดูเหมือนคนทำงานหนัก ตาคล้ำ เพราะอดหลับอดนอน  ร่างกายผอม ใบหน้าบวม ถ้าให้เสนอความคิดเห็น คงจะบอกว่า รับไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายมากไปจากสิ่งที่เห็น            และแล้วเขาก็เรียนไม่ไหว เขากลายเป็นคนโลภ ไม่ค่อยสนใจเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันสักเท่าไหร่ เพื่อนของเขามีรุ่นใหญ่กว่าทั้งนั้น บางคราอาจถึงขั้นรุ่นพ่อ การพูดจากับผู้ใหญ่เหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน                           
            เพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุยกับเขาได้ คือเพื่อนที่เล่นการพนันด้วยกัน ที่เห็นอยู่ มีอยู่หนึ่งคนที่ชีวิตกลายเป็นเหมือนนันไปแล้ว  คือ อาร์ม (นามสมมุติ
            อาร์มโดนนันชักจูง  เริ่มแรกก็เหมือนกันกับที่พ่อได้ทำกับนัน คือจ้างอาร์มให้ไปเฝ้าบ่อน จนปัจจุบัน อาร์ม ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงค์ไพ่โดยสิ้นเชิง และเปลี่ยนไป จากอาร์มภาพลักษณ์ในชุดนักศึกษาขาดๆ กลายเป็น อาร์มนักพนันที่ไม่เรียนหนังสือ หล่อเท่ห์ ขวัญใจพิตตี้คาราโอเกะ 
            นัน เริ่มใส่ทอง และมีหญิงสาวเข้ามาเกี่ยวพันธุ์มากมายไม่ซ้ำหน้าในแต่ละคืน หญิงสาวที่มาล้วนเป็นนักศึกษาด้วยกันทั้งนั้น เข้ามาเพื่อให้ได้เงินกลับไป  โดยการเอาตัวเข้ามาหาความสุข หรือเอาตัวแรกเงินกัน 
             ยังมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นันเริ่มมีการกระทำที่คล้ายกับพ่อ คือ เมื่อผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินให้  เขาเลยใช้ร่างกายหญิงสาวแทนการปลดหนี้ที่เกินตัว แน่นอน เขาทำได้ เพื่อสนองความใคร่ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำลงไปได้ยังไง สำหรับผมถ้าไม่ใช่คนที่เรารักคงทำไม่ลงจริงๆ  หัวใจเขามืดดำสนิท เหมือนไม่ใช่เพื่อนของผม
             เมื่อตำรวจลง ช่วงนั้นบ่อนการพนันจะถูกยกเลิก นันเลยว่างจากการเฝ้าบ่อน มาช่วยแม่ดูแลกิจการเบอร์หุ้น ( ตำรวจลง = เป็นสถานะการณ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อชาวบ่อน ซึ่งตำรวจรู้สถานที่เล่นการพนัน)  
             นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่นันได้รับมอบหมายให้ทำ คืองานขายหวยใต้ดิน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเบอร์หุ้นเป็นงานประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ที่ถือเอาคำว่า “ SET” เป็นหลัก ซึ่งจะปรากฎอยู่ตรงมุมขวาล่างในช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่งของประเทศไทย จะมีการขายเป็นรอบ คือรอบบ่ายและรอบเช้า  รอบเช้าจะหมดเวลา 12.30 . ของทุกวัน และรอบบ่ายจะสิ้นสุดที่ 16.45
              เมื่อถึงเวลาดังกล่าวจะเป็นเวลาที่หวยได้ออกอย่างเป็นทางการ จะเป็นเวลาที่นักพนันลุ้นระทึก เสียงโห่ร้องจะดังก้องกังวาลทั้งสองช่วงของเวลาดังกล่าว ในขณะที่หวยออกความรู้สึกของคนจนจะพยายามหวังกับโชคลาภจากการพนัน แต่ช่วงเวลาเดียวกันคนรวยซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนกลับมองว่า เขากำลังทำธุรกิจจากบุคคลที่มีโชคชะตาเป็นเดิมพันเหล่านี้ ซึ่งการเล่นเบอร์หุ้นจะคิดราคา 1 บาท ต่อ 80 บาท หมายถึงถ้าเราซื้อ 10 บาท เราก็จะได้เงิน 800 บาท จากการซื้อ      
              การเล่นหวยหุ้น ยังมีข้อแม้ อยู่คือ ต้องซื้อ 5 บาทขึ้นไป และถ้าหากเป็นเบอร์พี่เบอร์น้อง (เบอร์พี่เบอร์น้อง  คือ เบอร์ ที่เรียงกันตามลำดับ เช่น 12 , 23, 34 เป็นต้น ) และเบอร์คู่ ( เบอร์ค คือ เบอร์ 11 , 22 , 33 ,00 เป็นต้นตัวเลขดังกล่าวก็จะเหลือเพียงแค่บาทละ 70
             เบอร์ใหญ่หรือหวยใต้ดินล็อตเตอร์รี่สิ้นเดือน นันก็ขาย แต่เปลี่ยนจากบาทละ 80 เป็น 800 มีทั้งบนทั้งล่าง ส่วนที่นี่ไม่มีการขายหวย นิเคอิเช้า - บ่าย ซึ่งทางครอบครัวนันไม่ขายเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะตื่นสาย เลยไม่เปิดขาย  ( นิเคอิ หมายถึง เลขตัวแรกSET ที่ปรากฎกระพริบครั้งแรก )               ว่าไปแล้ว บทบาทที่เด็กคนนี้ได้รับมันช่างมากมายเหลือเกิน เขาไม่มีทางเลือกใดใดทั้งสิ้น ผมเคยถามนันประโยคหนึ่งว่าอย่าว่ากูนะ ถ้าพ่อมึงตาย ถ้ามึงไม่ไปเรียน แล้วมึงจะไปทำงานที่ไหน “  นับจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆทั้งสิ้นและผม ไม่เคยคิดจะถามนัน อีกเลย ถ้าจะโทษต้องโทษที่ตัวพ่อและตัวแม่ ที่อยากให้ลูกเดินทางสายนี้   หากเขาลองหลับตาดู เขาก็จะเห็น ว่า ลูกคนก่อน กับลูกตอนนี้ มันช่างต่างราวฟ้ากับเหว ซึ่งการพนันกล่อมเกลาจิตใจเขาให้มืดดำสนิท จนไม่เหลือซึ่งความเป็นเด็กดี  การเปลี่ยนแปลงของการกระทำที่ส่งผลเชิงลบ  ในส่วนตัวผมนำมาวัดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งใครหลายๆคนที่เล่นการพนันยังดูไม่ออก ว่าตนเองกำลังทำไม่ดีอยู่ และใครก็ตามที่ยังคิดว่า การพนันเป็นสิ่งดีละก็ เล่นแล้วรวย คุณจงเล่นไปเถอะครับ แต่จงรู้เอาไว้ว่าเงินซื้อเวลาที่มีค่าไม่ได้
               “ เงินตราใช่ว่าจะมีความสุขที่แท้จริง บางคนหยุด......และทำไมเขาถึงหยุด....
                หากนันยังเรียนหนังสือ เขาคงเป็นนักเรียนดีเด่นไปเสียแล้ว ส่วนผมตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่รามก็ไม่ได้เจอนันที่มหาลัยเก่าอีกเลย ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอ เพราะเขาอยู่แต่ในบ่อนการพนัน ขายหวยอยู่ในห้อง
                แต่ผมได้มีโอกาสสนทนาผ่าน Facebook กับนัน ผมพิมพ์ถามนันไปว่า
 “เอาละ ตอนนี้กูจะถามมึงกับเรื่องที่กูอยากรู้ มึงอย่าโกรธกูนะ คือ ถ้าหากมึงย้อนเวลาได้ มึงจะเปิดบ่อนไหมวะ แล้วถ้าพ่อตายไป มึงจะทำต่อไปอีกหรือเปล่า แล้วถ้ามึงยังทำ ตอนมึงมีลูกละ มึงจะให้ลูกเล่นมัน เหมือนที่พ่อมึงให้มึงเล่นไหม ”  ผมถามไปพร้อมกับความกลัว ไม่แน่ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนเดิม 
                และแล้วก็มีเสียงข้อความสนทนา เด้งขึ้นมาเสือกจริงๆ มึงนี่ ถ้าพ่อไม่บังคับกูคงไม่ยุ่งมันหรอก นี่มึงแช่งพ่อกูหรอ                ผมพิมพ์กลับไปว่ากูไม่ได้แช่ง กูอยากรู้ ยังไงต่อกูจะเอาไปเขียนเอาดีดี เร็ว ง่วงนอน “   
                เขาเงียบไปสักพักใหญ่ๆ และตอบกลับมาว่าถ้าพ่อกูตาย กูคงไม่ทำอะ ปวดหัว กูคงกลับไปซ่อมคอมที่ร้านที่เคยฝึกงานมั้ง
                “ อ้าวแล้วมึงจะมีตังใช้หรอผมรีบพิมพ์ถาม
                “มีสิสัส แค่ร้านคอมที่เปิดไว้กูก็พอแล้วนันพูดถึงร้านอินเตอร์เน็ตที่พ่อได้เปิดไว้ให้นัน 
                ผมถามต่อไปว่าตกลงที่มึงทำมันดีหรือไม่ดีวะ กูอยากรู้
                “ จะว่ามันดีมันก็ดี จะว่ามันไม่ดีมันก็ไม่ดีนันตอบผม
                ผมถามนันทันทีต่อไปว่าเอ๊ะดียังไงวะ ไม่ดียังไงวะ
                “ถามมากจริงๆ  ตามหลักแล้ว ต้องไม่ดีสิ อบายมุข นะนั่น แต่ในแง่ นักวิทยาศาสตร์ หรือทางการเเพทย์
มัน ถือว่าเป็นการช่วยบำรุง และเพิ่มรอยหยักในสมอง เพราะ ทำไห้ต้องคิดตลอดเวลานันตอบพร้อมส่งสัญลักษณ์ตัวกลมๆที่กำลังหัวเราะ ทางการสนทนา 
               ผมไม่แน่ใจเลยจริงหรอ ตลกแล้ว
                “ การพนันไม่ใช่การฆ่า มันอยู่ที่ดวงของคน ถ้ามึงดวงดีก็ได้ ดวงมึงร้ายมึงเสีย แต่มึงต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หากมึงจะเล่น  ถ้ามึงยิ่งได้มึงจะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามึงเสียมึงจะเล่นจนกว่ามันจะได้  ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่คนที่เล่นมันจะทำตัวเองมากกว่า เป็นไอพวกโลภ แต่กูก็ไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กตลอดมึงก็เห็น มึงว่ากูเป็นคนดีหรือป่าว”  นันตอบมาแบบยาวมาก จนผมเห็นภาพว่าผมกำลังนั่งเล่น 
               “  อืม... แล้วถ้ามึงได้ลูก มึงให้มันเล่นหรือป่าววะผมถามนันต่อไปเป็นคำถามสุดท้าย                นันตอบไม่อะ กูไม่อยากให้มันเป็นแบบกู ถ้ามันเล่น กูจะเตะให้หัวแตกเลย ฮ่าๆๆๆคือคำตอบสุดท้ายของเขา 
                 และนั่นคือเรื่องราวของนันเพื่อนรุ่นพี่ของผม
                 เป็นไปได้ไหมที่การทำให้การพนันจะกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องถามกันต่อไปว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่  และพวกเราที่อยู่ในสังคมไทยวันนี้ พร้อมที่จะรับกับผลกระทบที่จะตามมาแล้วหรือยัง? หากคุณคิดจะเล่นการพนัน
            









วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556


           
          ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยว นักเดินทาง หรือนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศก็ตามแต่ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ คือ ความปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ยิ่งถ้าเราอยู่ต่างถิ่นที่ไม่คุ้นเคยด้วยแล้วยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นเท่าตัว คิดดูสิว่าจะเป็นอย่างไรหากคุณจะต้องหมดตัว เพราะถูกมิจฉาชีพลัก วิ่ง ชิง ปล้นหรือหลอกเอาเงินรวมทั้งทรัพย์สินไปด้วยเล่ห์อุบายต่างๆ การระวังระไวให้รอบคอบเพื่อป้องกันการโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างเดินทางอาจทำให้ลดปัญหาหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้เขียนจึงขอเสนอข้อแนะนำดีๆ ในการป้องกันตนจากพวกมิจฉาชีพ ดังนี้
      1.กระเป๋าเงินเป็นสิ่งที่มิจฉาชีพคอยจ้องที่จะลักเอาไปเสมอ ดังนั้น จึงควรเก็บรักษากระเป๋าเงินไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งเวลาเดินทางไปที่ไหนมาไหนควรเก็บกระเป๋าเงินไว้ด้านหน้าตัวเราเสมอเพื่อยากแก่การลักเอาไป เช่น เก็บไว้ในกระเป๋าหน้าท้อง ที่มีเสื้อคลุมไว้อีกทีหนึ่ง หรือใช้กระเป๋าแบบคาดติดหน้าอก            
     2.หลีกเลี่ยงการหยิบเงินจำนวนมากออกมาจ่ายข้าวของ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะการกระทำเหล่านั้นทำให้เป็นจุดสนใจต่อเหล่ามิจฉาชีพได้ ทางที่ดีจึงควรวางแผนในการใช้เงินให้ดีก่อนโดยแบ่งส่วนที่จะใช้ไว้แยกจากกัน เพื่อเวลาจะนำมาใช้จะได้ไม่ต้องเอาเงินทั้งหมดออกมา เช่น เงินค่าซื้อของแบ่งไว้ส่วนหนึ่ง เงินจ่ายค่าห้องพักส่วนหนึ่ง เงินค่าเดินทางส่วนหนึ่ง เงินค่าอาหารอีกส่วนหนึ่ง              
        3.เก็บเอกสารสำคัญไว้หลายๆ ที่ เช่น บัตรประชาชนเก็บไว้ที่หนึ่ง ใบขับขี่เก็บอีกที่หนึ่ง บัตรเครดิตเก็บไว้อีกที่หนึ่ง เพื่อว่าเมื่อหายจะยังมีเอกสารบางอย่างเหลืออยู่บ้าง และควรทำสำเนาเอกสารเหล่านี้ติดไว้กับตัวด้วยอย่างน้อย 1 ชุดและสแกนไว้ในอีเมลเพื่อว่าหากเอกสารทั้งหมดหายไปจะได้นำจากอีเมลมาใช้อ้างอิงได้      
     4.ไม่ควรทิ้งกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ สมุดเช็ค สมุดบัญชีธนาคาร หรือทรัพย์สินมีค่าไว้ในห้องพักโรงแรม หากไม่สามารถนำติดตัวเดินทางไปด้วยได้ก็ควรเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางโรงแรมจะเป็นการปลอดภัยกว่า และตั้งรหัสตู้นิรภัยที่ไม่ตรงกับข้อมูลส่วนตัวใดๆ เพื่อให้ยากแก่การคาดเดารหัสนั้น
     5.หากมีการใช้บัตรเครดิตในการชำระราคา เมื่อใช้เสร็จแล้วต้องรีบเก็บไว้กับตัวให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่ทำอย่างอื่นเพราะอาจจะลืมเก็บและทำหายได้ และอย่าลืมที่จะเก็บสำเนาใบเสร็จไว้เพื่อว่าจะได้นำมาใช้อ้างอิงได้เวลามีปัญหาในการเรียกเก็บเงิน
     6.ในการเดินทางไม่ว่าจะโดยยานพาหนะใดที่เราจำเป็นต้องใช้กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าเดินทางไม่ได้อยู่ติดตัวกับเราตลอดเวลา ไม่ควรใส่ข้อมูลสำคัญในป้ายติดกระเป๋าเดินทางนั้น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดส่วนตัว เลขบัตรประชาชน เลขใบขับขี่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่ามิจฉาชีพอาจเอาข้อมูลนั้นไปใช้ให้เกิดความเสียหายแก่เราได้ ทางที่ดีควรใส่แค่ชื่อ นามสกุล เมือง ประเทศ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว              
     7. ควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีลวดลายหรือสีสันที่เป็นที่จดจำได้ง่ายจะสามารถป้องกันมิจฉาชีพได้ในระดับหนึ่งเพราะโจรคงไม่เสี่ยงที่จะลักเอากระเป๋าที่เป็นที่สังเกตได้ง่ายไป หรือถ้าจะลักเอาไปจริงๆ อย่างน้อยเราจะสามารถติดตามเอาคืนได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีลักษณะโดดเด่น และอย่าลืมว่าต้องล็อคกระเป๋าเดินทางให้ดี มีที่ให้ล็อคกี่ที่ก็ล็อคไปเถิดไม่ต้องเสียดายค่ากุญแจ เพราะถ้าของหายเราจะเสียดายกว่าค่ากุญแจแน่นอน
     8. เวลาเดินทางอย่าขนสัมภาระไปมากเหมือนย้ายบ้าน ควรมีแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อเกิดเหตุไม่น่าไว้ใจหรือรู้สึกว่าจะตกอยู่ในอันตรายจะเคลื่อนไหวคล่องตัว ดังนั้น ไม่ควรมีกระเป๋ามากกว่า 2 ใบ และเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเองด้วย              
        9.แต่งตัวให้กลมกลืนกับสถานที่ อย่าแต่งตัวให้เป็นจุดสนใจเพราะสามารถบอกได้ทันทีว่าคุณเป็นนักเดินทางที่ไม่ใช่คนในถิ่นนั้นๆ และไม่ควรประดับของมีค่าให้มากเพราะจะเป็นที่ล่อตาล่อใจให้มิจฉาชีพกระชากและกระตุกไปจากตัวคุณได้              
       10.การเดินทางที่ใช้ระยะเวลาหลายวัน อาจทำให้มีปัญหาเรื่องของจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์ ดังนั้น ควรบอกกล่าวเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้หรือคนสนิทชิดเชื้อให้ช่วยรับจดหมายและพัสดุไปรษณีย์ต่างๆ และเก็บไว้ให้เพื่อป้องกันการสูญหาย            
     การเตรียมตัวเองให้พร้อมและรอบคอบในการเดินทางทุกครั้ง จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องห่วงหรือเป็นกังวลใดๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้การเดินทางไปทำกิจธุระหรือท่องเที่ยวของเรานั้นมีความสุข ราบรื่นและประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี